วันพฤหัสบดีที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2555

หวั่นโรคฉี่หนูพุ่งในกลุ่มเกษตรกร ช่วงน้ำมาก แนะ 7 มาตรการเข้มตัดตอนโรคลดเสี่ยง



นางสาวพัชรา ศรีดุรงคธรรม หัวหน้ากลุ่มระบาดวิทยาและข่าวกรอง สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 พิษณุโลก กรมควบคุมโรค เผยว่า ในช่วงฤดูฝนของทุกปีมักมีการระบาดของโรคเลปโตสไปโรซิส หรือโรคฉี่หนู ซึ่งในบางพื้นที่มีน้ำท่วมหนักจะมีความเสี่ยงต่อการระบาดของโรคฉี่หนู และอาจมีผู้เสียชีวิตได้ จากข้อมูลการเฝ้าระวังทางระบาดวิทยาในพื้นที่ 5 จังหวัดภาคเหนือตอนล่าง ( พิษณุโลก เพชรบูรณ์ อุตรดิตถ์ ตาก และสุโขทัย ) พบว่าการระบาดของโรค มากขึ้นช่วงเดือนกรกฎาคม จนถึงเดือนตุลาคมของทุกปี สำหรับในปี 2555 ตั้งแต่ต้นปีจนถึงเดือนมิถุนายน พบผู้ป่วยแล้ว 31 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต เปรียบเทียบกับปี 2554 ในช่วงเวลาเดียวกันพบผู้ป่วยสูงมากกว่า และคาดว่าในเดือนสิงหาคม จนถึง พฤศจิกายน 2555 จะมีแนวโน้มการระบาดจะสูงขึ้น โดยกลุ่มเกษตรกรจะเป็นกลุ่มเสี่ยงต่อการรับเชื้อโรคฉี่หนูมากที่สุด เนื่องจากมีโอกาสการสัมผัสกับเชื้อโรคมากและบ่อยครั้งกว่า


เชื้อที่เป็นสาเหตุของโรคฉี่หนูคือเชื้อแบคทีเรีย “เลปโตสไปร่า” อาศัยอยู่ในสัตว์พาหะเลี้ยงลูกด้วยนม เช่น หนู วัว ควาย สุนัข แมว แต่ที่สำคัญที่สุดคือ หนู เชื้อจะออกมากับปัสสาวะของสัตว์พาหะได้ตลอดเวลา มาอยู่ในสิ่งแวดล้อมในดิน แอ่งน้ำ ร่องน้ำ น้ำตก แม่น้ำลำคลองและอยู่ได้นานเป็นเดือนถ้ามีปัจจัยที่เหมาะสม เชื้อนี้จะเข้าสู่ร่างกายของผู้ป่วยโดยเข้าไปทางรอยแตกหรือแผลเล็กๆ บนผิวหนังหรือผิวหนังที่เปื่อยเมื่อแช่น้ำนานๆ และเยื่อบุที่อ่อนนุ่ม เช่น ตา จมูก ปาก เมื่อเชื้อเข้าสู่ร่างกายจะใช้ระยะฟักตัว 5 – 14 วัน จะเริ่มมีไข้สูง หนาวสั่น ปวดศรีษะ ปวดเมื่อยตามตัว ปวดน่อง ตาแดง ปวดท้อง เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน เนื่องจากเชื้อโรคสามารถกระจายไปทั่วตัว จึงมีภาวะแทรกซ้อนได้หลากหลายระบบ ผู้ป่วยมักเสียชีวิตจากภาวะไตวาย ตับล้มเหลว ระบบหายใจล้มเหลว แต่หากผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยจากสาธารณสุขได้เร็วและได้รับยาปฏิชีวนะตามข้อกำหนดผู้ป่วยก็จะหายได้ โดยมีคำแนะนำการป้องกันโรค 7 ประการดังนี้

1) ผู้ที่ทำงานเสี่ยงต่อโรค โดยเฉพาะเกษตรกรควรใช้ถุงมือ รองเท้าบู๊ท

2) หลีกเลี่ยงการว่ายน้ำหรือลุยน้ำที่อาจปนเปื้อนเชื้อจากปัสสาวะ ถ้าจำเป็นควรสวมรองเท้าบู๊ท หรือสวมถุงพลาสติกหนาหุ้มด้วยรองเท้าผ้าใบ

3) ควบคุมกำจัดหนูในบริเวณที่อยู่อาศัย บริเวณสถานที่ทำงาน แหล่งพักผ่อนท่องเที่ยว

4) ล้างท่อระบายน้ำที่อาจจะเป็นแหล่งปนเปื้อนเชื้อบ่อยๆ ไม่ปล่อยให้น้ำขัง

5) ควรเก็บอาหารไว้ในที่มิดชิดเพื่อป้องกันหนูถ่ายปัสสาวะรดใส่อาหาร

6) อาหารที่ค้างมื้อควรนำมาอุ่นให้ร้อนทุกครั้งก่อนรับประทาน

7) ภาชนะที่ใส่อาหารควรล้างทำความสะอาดก่อนทุกครั้ง

นางสาวพัชรา ยังกล่าวเตือนว่า ผู้ป่วยที่มีอาการชี้ชัดและมีประวัติเคยสัมผัสแช่น้ำในช่วง 1 เดือนก่อนจะมีอาการป่วย ควรรีบไปเข้ารับการตรวจรักษาที่สถานบริการสาธารณสุขใกล้บ้านโดยทันที ไม่ควรวินิจฉัยและรักษาเอง หากมีข้อสงสัยติดต่อได้ที่ศูนย์บริการข้อมูลฮอตไลน์ โทรศัพท์ 1422

ข้อความหลัก " น้ำดื่ม อาหารสุก ร่างกายสะอาด ระวังสัตว์พิษ สุขาภิบาลสิ่งแวดล้อม ป้องกันโรคและภัยที่มาจากน้ำท่วม”

กรมควบคุมโรค ห่วงใย อยากเห็นคนไทยมีสุขภาพดี

ที่มา http://dpc9.ddc.moph.go.th/crd/news/2555/09_13_lep.html


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น