วันพฤหัสบดีที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ทึ่งนวัตกรรม “บ้านต้นแบบแห่งอนาคตสู้ภัยพิบัติ “สามพลังงาน แสง ลม น้ำ ในหลังเดียว


นายกิตติ พุฒิกานนท์ นักวิชาการทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรค เผยว่าจากภาวการณ์ภัยพิบัติในปัจจุบันหลายพื้นที่ทั่วโลกและประเทศไทย คาดว่าในอีกประมาณ 13 ปีข้างหน้าอาจมีความเสี่ยงจะเกิดภัยพิบัติที่รุนแรงมากขึ้นในเรื่องของน้ำท่วม และภัยพิบัติอื่นๆ ดังนั้นโจทย์ที่มนุษย์ควรจะต้องเตรียมตัวรับสถานการณ์ตั้งแต่วันนี้ก็คือ จะทำอย่างไรถ้าหากระบบไฟฟ้า ระบบสาธารณูปโภค ถูกภัยธรรมชาติทำลายจนเสียหายจนไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติ บ้านที่ที่อยู่อาศัยแบบไหนที่จะช่วยลดความเสียหายจากสถานการณ์ฉุกเฉินเหล่านั้นลงได้


ในฐานะนักวิจัยจึงได้คิดประดิษฐ์ออกแบบนวัตกรรม “ บ้านต้นแบบแห่งอนาคตสู้ภัยพิบัติ “ เพื่อเตรียมการรับสถานการณ์ฉุกเฉินทางสาธารณสุข โดยอาศัยพลังธรรมชาติ 3 ชนิดได้แก่ พลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานน้ำ โดยบ้านประดิษฐ์ต้นแบบหลังนี้ในยามที่มีแสงแดดจ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ แผงโซล่าเซลส์ที่ติดไว้ที่หลังคาบ้านจะผลิตกระแสไฟฟ้าแล้วเก็บพลังงานไว้ที่หม้อแบตเตอรี่ ในวันใดที่ไม่มีแสงอาทิตย์หรือมีแสงน้อย แต่มีลมแรงพลังลมก็จะหมุนปั่นกังหันลมที่ตัวบ้านเก็บกระแสไฟฟ้าไว้ที่หม้อแบตเตอรี่เช่นกัน แต่หากวันใดที่ไม่มีแสงแดด ไม่มีลม แต่มีฝนตกหนัก บ้านต้นแบบก็จะสามารถใช้พลังงานจากน้ำฝนมาหมุนปั่นไดนาโมเป็นพลังงานไฟฟ้าและนำไปเก็บไว้ในหม้อแบตเตอรี่ได้เช่นกัน

ดังนั้นบ้านต้นแบบพลังงานธรรมชาตินี้จะสามารถอยู่ได้ด้วยตนเองในทุกภาวะที่เกิดภัยพิบัติอย่างรุนแรง และระบบสาธารณูโภค ระบบไฟฟ้าเสียหาย นอกจากนี้ในบ้านต้นแบบแห่งอนาคตนี้จะมีการออกแบบห้องเฉพาะกิจตอบสนองต่อการใช้ชีวิตยามฉุกเฉิน เช่น ห้องนอนเพื่อเก็บของมีค่า หรือของที่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้ในภาวะฉุกเฉินภัยพิบัติ เพราะห้องนี้จะสามารถลอยขึ้นลงตามระดับน้ำที่ท่วมบ้านได้ ซึ่งของเหล่านี้ก็จะถูกเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดีโดยไม่ถูกน้ำท่วม แต่หากกรณีเกิดภัยพิบัติน้ำท่วมต่อเนื่องนานหลายวันหรือเป็นเดือน บริเวณรอบ ๆ บ้านก็ถูกออกแบบให้เป็นสระลอยน้ำที่จะสามารถเลี้ยงปลา หรือว่าปลูกผักเพื่อเป็นอาหารดำรงชีพในขณะน้ำท่วมได้ โดยที่สระลอยน้ำนั้นจะสามารถลอยขึ้นลงตามระดับน้ำท่วมได้เช่นกัน

นายกิตติ กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ยังได้มีการออกแบบประดิษฐ์โรงรถยนต์อัจฉริยะให้ลอยขึ้นลงได้ตามระดับน้ำ เพื่อให้รถยนต์สามารถจอดได้โดยไม่เสียหายจากภาวะน้ำท่วม แต่เมื่อใดที่มีเหตุจำเป็นให้ต้องเดินทางออกจากบ้านขณะที่รถจอดอยู่บนโรงรถลอยน้ำ ทันทีที่สตาร์ทเครื่องยนต์จะสามารถหมุนปั่นให้โรงรถลอยน้ำสามารถเคลื่อนที่บนน้ำได้โดยใช้แรงขับจากรถยนต์ ทำให้สามารถเดินทางไปไหนมาได้ในภาวะน้ำท่วมเสมือนเรือลำหนึ่ง และถ้าหากน้ำลดแล้วแต่ยังมีโคลนตมอยู่ โรงรถลอยน้ำก็สามารถวิ่งบนถนนที่เฉอะแฉะหรือบนถนนปกติได้โดยใช้พลังงานจากรถยนต์เพียงเครื่องยนต์เดียว จะเห็นได้ว่าบ้านพลังธรรมชาติที่ประดิษฐ์ต้นแบบนี้นั้น อาศัยพลังงานบริสุทธิ์จากธรรมชาติมาใช้ประโยชน์ในการที่จะให้มนุษย์สามารถอยู่รอดได้ในภาวะฉุกเฉิน หรือภาวะภัยพิบัติได้เป็นอย่างดี จึงขอฝากข้อคิดไว้คือ “ ยามอุทกภัยน้ำท่วมร่วมเตรียมการ บ้านพลังงานแดดแรงลมผสมฝน อีกรถยนต์ลอยน้ำนำชุมชน ฝ่าคลื่นลมมรสุมให้ปลอดภัย 13 ปีมีเวลาให้ได้คิด ช่วยชีวิต ช่วยผลิตกระแสไฟ ด้วยพลังน้ำ แดด ลม ชโลมใจ ครอบครัวไทยปลอดภัยด้วยปัญญา “

โดยชุด “ บ้านต้นแบบแห่งอนาคตสู้ภัยพิบัติ “ นี้จะจัดแสดงให้สื่อมวลชนและผู้สนใจได้ชมในงานสัมมนาวิชาการป้องกันควบคุมโรคแห่งชาติวันที่ 4-6 กรกฎาคม 2555 ณ อิมแพคเมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี และที่งานสัมมนาวิชาการป้องกันควบคุมโรคระดับเขตวิชาการเข้มแข็งควบคุมโรคยั่งยืน วันที่ 23-24 กรกฎาคม 2555 ณ โรงแรมอมรินทร์ลากูน จังหวัดพิษณุโลก นายกิตติ กล่าวในที่สุด

ข้อความหลัก " ป้องกันล่วงหน้าก่อนเสี่ยง ควบคุมฉับไวก่อนระบาด คือกลไกป้องกันโรคแบบยั่งยืน”

กรมควบคุมโรค ห่วงใย อยากเห็นคนไทยมีสุขภาพดี

ที่มา http://dpc9.ddc.moph.go.th/crd/news/2555/07_03_home.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น