วันพุธที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2555

เตือนภัยน้ำท่วมขังเสี่ยงเสียชีวิตจากไฟดูดอันดับ 2 ถึงร้อยละ 14 แนะตัวเปียก แช่น้ำ ต้องหยุดใช้ไฟฟ้า



เภสัชกรเชิดเกียรติ แกล้วกสิกิจ หัวหน้ากลุ่มสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 พิษณุโลก กรมควบคุมโรค เผยว่า จากบทเรียนเหตุการณ์อุทกภัยในปี 2554 ที่ผ่านมาพบว่า อันตรายที่สำคัญในช่วงภาวะน้ำท่วมที่เป็นสาเหตุที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นอันดับ 2 คือ ถูกไฟฟ้าช๊อต โดยข้อมูลของสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค (ตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคม 2554 – 12 มกราคม 2555) มีผู้เสียชีวิตจากถูกไฟฟ้าช๊อตจำนวน 153 ราย คิดเป็นร้อยละ 14 ของผู้เสียชีวิตที่เกี่ยวกับสถานการณ์น้ำท่วมทั้งหมด (1,083 ราย ) พบเหตุเกิดสูงสูดเกิดในบ้านหรือบริเวณบ้าน


หน้าฝน น้ำขัง หรือภาวะน้ำท่วมอาจเกิดน้ำท่วมขังในบ้าน อุปกรณ์และเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านถูกน้ำท่วมถึงเป็นอันตรายแก่ผู้อยู่อาศัยภายในบ้านทำให้กระแสไฟฟ้าลัดวงจร เกิดไฟฟ้าดูดหรืออาจเรียกว่าไฟช๊อต ส่งผลให้กระแสไฟฟ้าไหลผ่านร่างกายผู้ประสบภัยมีผลทำให้กล้ามเนื้อเกิดการเกร็ง จนไม่สามารถสะบัดให้หลุดได้ กระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านร่างกายอาจทำให้บาดเจ็บ เสียชีวิต หรือพิการ ได้

ผู้ถูกไฟดูดจะล้มลงกับพื้นและหมดสติชั่วครู่ ถ้าอยู่ที่สูงก็อาจตกลงมากระแทก หากอยู่ในน้ำก็อาจจะจมน้ำได้ คนที่ถูกไฟฟ้าดูดเป็นเวลานานจะทำให้เกิดผลเสียต่ออวัยวะที่สำคัญของร่างกาย เช่น ศีรษะ และทรวงอก ซึ่งจะทำให้อวัยวะทำงานผิดปกติหรือหยุดทำงาน อีกทั้งยังเป็นแผลไหม้ตามผิวหนังและกินลึกเข้าไปไปในเนื้อเยื่อ อาจเกิดความพิการจากกล้ามเนื้อมีการถูกทำลายอย่างรุนแรง บางครั้งทำให้แขนขาบวมตึงขาดเลือดรุนแรงไปเลี้ยงจนต้องเสียอวัยวะส่วนแขนขาที่ถูกไฟดูดนั้น

ถ้าไฟดูดเป็นเวลานานอาจมีอาการชักเกร็งของกล้ามเนื้อทั่วร่างกาย หายใจเร็วและหมดสติ คลื่นหัวใจเปลี่ยนแปลง หัวใจเต้นผิดจังหวะ หยุดทำงาน หยุดหายใจ ทำให้อันตรายถึงตายได้ทันที ผู้ตายส่วนใหญ่เกิดจากถูกไฟฟ้าแรงสูงกว่า 1000 โวลท์ดูด ซึ่งมักจะเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ดังนั้นขอให้ประชาชนและครอบครัวที่ประสบอุทกภัยควรระมัดระวังดังนี้

1) สำรวจสายไฟฟ้า สวิตซ์ ปลั๊กไฟ ว่ามีฝนสาดหรือน้ำเข้าหรือไม่ ถ้าเปียกน้ำอย่าแตะต้องเด็ดขาด

2) ในขณะที่ฝนตกและตัวเปียก อย่าสัมผัสกับสวิตซ์ไฟฟ้าที่อยู่ภายนอกอาคาร

3) อุปกรณ์และเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ติดตั้งในระดับต่ำ ต้องรีบย้ายให้สูงพ้นระดับน้ำ

3) ถ้าร่างกายเปียกชื้นหรืออยู่บนพื้นเปียกสัมผัสกับน้ำ ต้องงดใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ไฟฟ้าทุกชนิด ขณะเกิดน้ำท่วมหากมีความจำเป็นให้ย้ายขึ้นไปใช้บนที่สูงพ้นน้ำ หรือชั้นบน

4) ถ้าเครื่องใช้ไฟฟ้าย้ายไม่ทันถูกน้ำท่วมแล้ว ควรหยุดใช้งานจนกว่าจะได้รับการตรวจสภาพเสียก่อน

5) ถ้าน้ำท่วมปลั๊กไฟฟ้าแล้ว ห้ามใช้งานเด็ดขาด และให้รีบตัดการจ่ายไฟ ( ปลดคัทเอาท์ ) ทันที

6) หากพบสายไฟฟ้าขาดแช่อยู่ในน้ำ เสาล้ม อย่าเข้าใกล้หรือจับต้อง ให้รีบแจ้งการไฟฟ้าท้องถิ่นทันทีเพื่อแก้ไข

7) หลีกเหลี่ยงการเข้าใกล้เสาเหล็กที่มีอุปกรณ์ไฟฟ้า

เภสัชกรเชิดเกียรติ กล่าวต่อว่า การถูกไฟดูดอย่างรุนแรง ถ้าได้รับการปฐมพยาบาล การรักษาที่เหมาะสมและทันเวลา สามารถรอดชีวิตแต่อาจพบความพิการได้ขึ้นกับบริเวณที่ได้รับบาดเจ็บ การช่วยเหลือผู้อื่นขณะเกิดเหตุไฟฟ้าดูดให้กระทำด้วยความระวัดระวัง ดังนี้

1) หากพบผู้ถูกไฟฟ้าดูดอย่าจับต้อง ให้ตัดกระแสไฟฟ้าทันที (สับคัทเอาท์หรือเต้าเสียบ) ก่อนจะเข้าไปช่วยเหลือ หากไม่สามารถสับสะพานไฟลงได้ ห้ามใช้มือไปจับต้องคนที่กำลังถูกไฟดูด

2) ผู้ที่จะเข้าไปช่วยเหลือผู้อื่น ร่างกายต้องไม่เปียกน้ำและสวมรองเท้า

3) ต้องไม่สัมผัสผู้ที่ถูกกระแสไฟฟ้าดูดโดยตรง ยืนในที่แห้งและใช้ไม้แห้งหรือฉนวนไฟฟ้าเขี่ยอุปกรณ์ไฟฟ้าให้พ้นจากผู้ที่ถูกกระแสไฟฟ้าดูด หรือใช้ผ้าแห้งคล้อง/เชือกดึงผู้ป่วยออกจากจุดที่เกิดเหตุโดยเร็ว

4) เมื่อช่วยผู้ถูกไฟฟ้าดูดหลุดออกมาแล้ว ให้รีบปฐมพยาบาลเบื้องต้น ถ้าหยุดหายใจ ให้ทำการเป่าปากช่วยหายใจ หากคลำชีพจรไม่ได้ ให้นวดหัวใจ

5) รีบนำตัวผู้ประสบไฟฟ้าดูดส่งโรงพยาบาลทันที หรือขอความช่วยเหลือจากหน่วยการแพทย์ฉุกเฉิน โทร 1669

ข้อความหลัก " น้ำท่วมต้องรู้ทัน ระวังป้องกันไฟช๊อต”

กรมควบคุมโรค ห่วงใย อยากเห็นคนไทยมีสุขภาพดี

ที่มา http://dpc9.ddc.moph.go.th/crd/news/2555/09_18_Elec.html


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น