วันอังคารที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

เผยคนไทยถูกสุนัขกัดปีละเฉียด 4 แสนตายเกือบ 20 ด้วยโรคพิษสุนัขบ้า วอนร่วมมือป้องกันก่อนเสี่ยง



เภสัชกรเชิดเกียรติ แกล้วกสิกิจ หัวหน้ากลุ่มสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 พิษณุโลก กรมควบคุมโรค เผยว่า โรคพิษสุนัขบ้า หรือที่นิยมเรียกว่าโรคกลัวน้ำ เป็นโรคติดเชื้อของระบบประสาทส่วนกลางที่มีอันตรายร้ายแรงถึงชีวิต จัดเป็นติดต่อจากสัตว์สู่คนที่เป็นปัญหาทางด้านสาธารณสุขที่ทำให้คนและสัตว์ป่วยและเสียชีวิตด้วยความทรมานทุกราย พาหะนำโรคที่สำคัญ คือ สุนัข รองลงมาคือแมว โดยเชื้อไวรัสออกมากับน้ำลายของสัตว์ที่ติดเชื้อ และเข้าสู่ร่างกายคนทางบาดแผลที่สัตว์กัดหรือข่วน บางครั้งพบว่าเชื้อสามารถเข้าทางบาดแผลที่เกิดขึ้นใหม่ ๆ ตามผิวหนัง หรือเข้าเยื่อบุของตา ปาก จมูก ที่ไม่มีแผล หรือรอยฉีกขาด


พบว่าในแต่ละปีจะมีผู้เสียชีวิตด้วยโรคพิษสุนัขบ้าทั่วโลกปีละกว่า 55,000 ราย ในประเทศไทยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันควบคุมป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าอย่างต่อเนื่อง กรมควบคุมโรค คาดการณ์ว่ามีผู้ถูกสุนัขกัดถึงประมาณ 300,000 - 400,000 รายต่อปี เสียชีวิตประมาณ 15-20 รายต่อปี โดยในช่วง 3 ปี ที่ผ่านมาพบผู้เสียชีวิตจากโรคพิษสุนัขบ้าไปแล้วรวมจำนวน 54 ราย ทำให้รัฐบาลต้องสูญเสียงบประมาณในการควบคุมป้องกันโรคทั้งในคนและสัตว์มากกว่า 1,000 ล้านบาทต่อปี ยังไม่นับรวมค่าความเสียหายและผลกระทบด้านอื่นๆ ที่ตามมาอีกเป็นจำนวนมาก เหตุผลเนื่องมาจากการฉีดวัคซีนป้องกันโรคในสุนัข และแมวยังดำเนินการได้ไม่ถึงร้อยละ 80 ของจำนวนสัตว์เลี้ยงทั้งหมด อีกทั้งยังมีการปล่อยทิ้งสุนัขในที่สาธารณะ ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้มีจำนวนสุนัขจรจัดเพิ่มมากขึ้น และประชาชนบางส่วนยังขาดความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องในการควบคุมป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า

องค์การโรคระบาดสัตว์ระหว่างประเทศ และองค์การอนามัยโลก ได้กำหนดเป้าหมายร่วมกันที่จะทำให้ทุกประเทศกำจัดโรคพิษสุนัขบ้าให้หมดไปภายในปี พ.ศ.2563 ดังนั้น กรมควบคุมโรค และ กรมปศุสัตว์ จึงได้ร่วมกันจัดทำโครงการรณรงค์ป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าประจำปี 2555 ขึ้นพร้อมกันทั้งประเทศ ในช่วงระหว่างวันที่ 1 มีนาคม ถึง 30 เมษายน 2555 โดยเน้นการส่งเสริมให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นศูนย์กลางในการดำเนินงานตามกิจกรรม ต่าง ๆ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ ส่งเสริมบทบาทองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการป้องกันควบคุมโรคพิษสุนัขบ้า ให้สุนัข แมว ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าอย่างต่อเนื่อง ควบคุมและลดจำนวนประชากรสุนัข แมว มีและไม่มีเจ้าของ ฉีดวัคซีนสุนัขและแมวในพื้นที่เสี่ยง หรือในที่สาธารณะ เช่น วัด โรงเรียน ตลาดแหล่งชุมชน สถานที่ท่องเที่ยว สถานที่ราชการ ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจและตะหนักถึงอันตรายจากโรคพิษสุนัขบ้า รวมทั้งสร้างจิตสำนึกให้ประชาชนเลี้ยงสุนัขอย่างถูกวิธี

เภสัชกรเชิดเกียรติ ยังกล่าวต่อว่า ผลที่คาดว่าจะได้รับจากการรณรงค์โครงการนี้ คือ เกิดความร่วมมือประสานงานกันทั้งภาครัฐและเอกชน ให้สุนัข แมว ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าได้ครอบคลุมทั่วประเทศในเวลาเดียวกัน ประชาชนในชุมชนให้ความสำคัญในการเลี้ยงและดูแลสุนัขและแมว อย่างถูกวิธีและเห็นความสำคัญในการนำสุนัขและแมว ไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ลดปัญหาการเพิ่มจำนวนของสุนัขจรจัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและชุมชนเห็นความสำคัญ และให้ความร่วมมือในการกำจัดโรคพิษสุนัขบ้า ออกข้อบัญญัติท้องถิ่น เทศบัญญัติ ส่งเสริมการใช้กฎหมายเพื่อให้ประชาชนในท้องถิ่นปลอดภัยจากโรคพิษสุนัขบ้า

หัวใจสำคัญของการกำจัดโรคพิษสุนัขบ้า คือ การฉีดวัคซีนป้องกันโรคให้ครอบคลุมจำนวนประชากรสัตว์ทั้งหมดมากที่สุด การควบคุมการเพิ่มของจำนวนประชากรสัตว์ที่เป็นพาหะนำโรคพิษสุนัขบ้า ควบคู่ไปกับให้ความรู้กับประชาชนอย่างต่อเนื่อง และการร่วมมือกันอย่างแท้จริงจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในส่วนประชาชนให้ระวังบุตรหลานเด็กอายุ 5-9 ปี และผู้สูงอายุ ในการเล่นหรือคลุกคลีกับสุนัขหรือแมว ไม่ยั่วยุให้สุนัขโมโห แต่หากผู้ใดถูกสุนัขหรือแมวกัดหรือข่วนต้องรีบล้างแผลด้วยสบู่ และน้ำสะอาดให้ลึกถึงก้นแผล และใส่ยาฆ่าเชื้อโรค เช่น เบตาดีน เพื่อกำจัดเชื้อไวรัสที่แผลโดยเร็ว แล้วรีบไปพบแพทย์เพื่อฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าทันที และถ้าทำได้ควรติดตามดูอาการสุนัขหรือแมวนั้น 10 วัน หากยังปกติอยู่รีบแจ้งให้แพทย์ทราบเพื่อหยุดฉีดวัคซีนได้

ข้อความหลัก " ถูกกัดต้องล้างแผล ใส่ยา กักหมา หาหมอ ฉีดต่อจนครบ ปลอดโรคพิษสุนัขบ้า”

กรมควบคุมโรค ห่วงใย อยากเห็นคนไทยมีสุขภาพดี

ที่มา http://dpc9.ddc.moph.go.th/crd/news/tv/2555/2555_02_22_Rabies.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น