วันศุกร์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2554

กรมควบคุมโรค ลงนามข้อตกลงร่วมมือกับกรมราชทัณฑ์เฝ้าระวังป้องกันควบคุมโรคและภัยสุขภาพ ในเรือนจำ



วันนี้ ( 22 สิงหาคม 2554) ณ กรมควบคุมโรค นายแพทย์มานิต ธีระตันติกานนท์ อธิบดีกรมควบคุมโรคกระทรวงสาธารณสุข และนายชาติชาย สุทธิกลม อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กระทรงยุติธรรม ลงนามข้อตกลงความร่วมมือในการเฝ้าระวังป้องกันควบคุมและภัยสุขภาพในเรือนจำ พร้อมด้วยนายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค และนายแพทย์มิชเชล วูลฟ์ ผู้อำนวยการโครงการเอดส์โลก ประเทศไทยและภาคพื้นเอเชีย เข้าร่วมในพิธีลงนาม


นายแพทย์มานิต ธีระตันติกานนท์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า กลุ่มผู้ต้องขังเป็นกลุ่มที่มีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคเท่ากับประชาชนทั่วไป โรคติดต่อที่เป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญ ได้แก่ โรคเอดส์ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์วัณโรค อหิวาตกโรค อาหารเป็นพิษ โรคติดต่อทางเดินหายใจ โรคผิวหนัง รวมทั้งโรคไม่ติดต่อ เช่น เบาหวาน โรคความดันโลหิต โรคหลอดเลือดหัวใจ ซึ่งส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากสิ่งแวดล้อม และพฤติกรรม ดังนั้น การเฝ้าระวัง ป้องกันควบคุมโรค และภัยสุขภาพ รวมทั้งควบคุมการระบาดของโรค จึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการส่งเสริมคุณภาพชีวิต เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายและงบประมาณในการรักษาโรค และฟื้นฟูสภาพความเจ็บป่วย ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะให้ได้ผลอย่างมีประสิทธิภาพ ต้องอาศัยความร่วมมือจากหน่วยงานและผู้เกี่ยวข้องหลายฝ่าย ที่ผ่านมากรมควบคุมโรคได้มีโครงการเข้าถึงบริการด้านการป้องกันและดูแลรักษาเอชไอวี (HIV) ในกลุ่มผู้ต้องขัง โดยนำร่องในเรือนจำ 5 แห่ง ได้แก่ เรือนจำกลางขอนแก่น เรือนจำกลางอุดรธานี เรือนจำกลางเชียงราย ทัณฑสถานวัยหนุ่มกลางปทุมธานี และทัณฑสถานบำบัดพิเศษขอนแก่น โดยมุ่งเน้นการวางระบบบริการด้านการป้องกันและดูแลรักษาผู้ติดเชื้อเอชไววี (HIV) โรคเอดส์ที่ครบวงจรแก่ผู้ต้องขัง โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณดำเนินการจากศูนย์ความร่วมมือไทย - สหรัฐด้านสาธารณสุข ระบบการป้องกัน ที่ครบวงจร ประกอบไปด้วย

1. การปรับทัศนคติเจ้าหน้าที่ผู้คุมเพื่อให้เข้าใจและยอมรับการอยู่ร่วมกันกับผู้ติดเชื้อ

2. การพัฒนาศักยภาพผู้คุมให้มีความรู้ความสามารถในการเป็นวิทยากรเรื่องโรคเอดส์

3. การสร้างอาสาสมัครผู้ต้องขังให้เป็นแกนนำ ทำหน้าที่ขยายผลการให้ความรู้ด้านการ ป้องกันเอดส์ และกระจายถุงยางอนามัยให้กับผู้ต้องขังรายอื่นๆ ในแดน

4. การพัฒนา “มุมแกนนำ” เป็นสถานที่ที่ให้แกนนำอาสาสมัครทำหน้าที่ให้คำปรึกษา

5. การสนับสนุนการจัดกิจกรรมขยายผลการดำเนินงานของอาสาสมัครในแดน

6. การพัฒนาสื่อเพื่อให้แกนนำอาสาสมัครใช้ในการพูดคุยกับเพื่อนผู้ต้องขัง

การพัฒนาระบบการรักษา ได้มีการเชื่อมต่อช่องทางของระบบการรักษาจากเรือนจำสู่โรงพยาบาล โดย

ริเริ่มทดลองนำระบบ การรักษาผู้ป่วยผ่านโทรทัศน์ทางไกล (telemedicine ) มาใช้ในการรักษาผู้ต้องขังในเรือนจำเพื่อเพิ่มช่องทางการรักษา

นายแพทย์มานิต กล่าวต่อไปว่า ในปี พ.ศ. 2553 กรมราชทัณฑ์ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนโลก เพื่อเนินกิจกรรมป้องกันเอชไอวี (HIV) โรคเอดส์ในเรือนจำ 32 แห่ง โดยกรมควบคุมโรคได้ร่วมพัฒนาระบบการดูแลรักษาเอดส์ และการส่งต่อผู้ป่วยระหว่างเรือนจำ และโรงพยาบาลควบคู่กันไป เพื่อเปิดช่องทางให้ผู้ต้องขังเข้าถึงบริการที่สะดวกรวดเร็วขึ้น และลดภาระในการรักษา การดำเนินงานดังกล่าวเฉพาะโรคเอดส์เพียงโรคเดียวพบว่าสามารถลดภาระค่าใช้จ่ายในด้านความเจ็บป่วย และลดอันตรายภาวะแทรกซ้อนของโรคได้ ควรมีการขยายกิจกรรมในด้านการเฝ้าระวังป้องกัน ควบคุมโรคและภัยสุขภาพในเรือนจำให้ครอบคลุม เพื่อลดช่องว่างในระบบการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุม และดูแลรักษา โรคและภัยสุขภาพในเรือนจำ หากไม่ได้รับบริการเชิงรุก หรือช่องทางพิเศษจากโรงพยาบาล ผู้ต้องขังจะไม่สามารถเข้าถึงบริการควบคุมโรคและการดูแลสุขภาพที่ทั่วถึง อาจทำให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพผู้ต้องขัง และเกิดปัญหาแพร่ระบาด อันเป็นอุปสรรคในการควบคุมและป้องกันโรคในเรือนจำอย่างมาก เพื่อแก้ไขช่องว่างนี้ และเพื่อให้เกิดความยั่งยืนของระบบการเฝ้าระวังป้องกัน ควบคุมโรคและภัยสุขภาพในเรือนจำ มีข้อเสนอให้จัดทำขอตกลงความร่วมมือขึ้นระหว่างกรมควบคุมโรค และกรมราชทัณฑ์

ด้านนายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวเพิ่มเติมว่า ความสำคัญและความจำเป็นที่ต้องเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรค การเกิดและแพร่กระจายโรคในเรือนจำ เนื่องจากกลุ่มผู้ต้องขังที่ป่วยเป็นโรคเมื่อมาอยู่ในเรือนจำ สามารถแพร่กระจายโรคให้แก่ผู้ต้องขังอื่นได้ และในขณะเดียวกันผู้ต้องขังที่ป่วยในเรือนจำ เมื่อพ้นโทษก็สามารถนำโรคไปแพร่ต่อให้กับประชาชนที่อยู่นอกเรือนจำได้ และเหตุส่งเสริมประการสำคัญ ที่ก่อให้เกิดโรค คือ การอยู่กันอย่างหนาแน่น ซึ่งเป็นปัจจัยเอื้อต่อการแพร่กระจายโรคได้เป็นอย่างดี พิธีลงนามข้อตกลงความร่วมมือนับเป็นความก้าวหน้า เป็นผลสำเร็จของความพยายามร่วมกันขององค์กรภาคีที่จะร่วมกันดำเนินงานเพื่อลดผลกระทบของโรคที่เป็นปัญหาสาธารณสุขของเรือนจำ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข และกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม ในเรื่องการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรค และภัยสุขภาพในเรือนจำ 1.เพื่อพัฒนานโยบายการเฝ้าระวังป้องกันควบคุมโรคและภัยสุขภาพในเรือนจำ 2.เพื่อพัฒนาแนวทางการดำเนินงานเฝ้าระวังป้องกันควบคุมโรคและภัยสุขภาพในเรือนจำ 3.ส่งเสริมบริการการเฝ้าระวังป้องกัน ควบคุมโรคและภัยสุขภาพในเรือนจำ 4.ประสานความร่วมมือและสนับสนุนกระบวนการดำเนินงานเฝ้าระวังป้องกัน ควบคุมโรคและภัยสุขภาพในเรือนจำ

แหล่งข่าวโดย...กลุ่มประชาสัมพันธ์และข่าว สนง.เผยแพร่และประชาสัมพันธ์ กรม คร.

ข้อความหลัก " ป้องกันล่วงหน้าก่อนเสี่ยง ควบคุมฉับไวก่อนระบาด "

กรมควบคุมโรค ห่วงใย อยากเห็นคนไทยมีสุขภาพดี

ที่มา http://www.ddc.moph.go.th/pnews/showimgdetil.php?id=331

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น