วันพฤหัสบดีที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

เตือนประชาชนและอาสาสมัครช่วยเหลือสุนัข หากถูกกัดให้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าทันที


นายแพทย์พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2554 ว่า จากการส่งเจ้าหน้าที่ไปดำเนินการป้องกันควบคุมโรคระบาดในศูนย์พักพิง และจากการเฝ้าระวังโรค พบว่ามีอาสาสมัคร และประชาชนที่ช่วยเหลือสุนัขและแมวถูกกัดเป็นจำนวนมาก กรมควบคุมโรค ขอแนะนำให้ไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าทันที โดยขอรับบริการได้ที่โรงพยาบาลของรัฐใกล้บ้าน หรือที่สถาบันบำราศนราดูร กรมควบคุมโรค อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี ซึ่งได้เตรียมวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าไว้บริการในภาวะน้ำท่วม จำนวน 2,000 โด๊ส ตลอด 24 ชั่วโมง หรือที่สถานเสาวภา สภากาชาดไทยในเวลาราชการ


โรคพิษสุนัขบ้า เป็นแล้วผู้ป่วยจะเสียชีวิตทุกราย จากรายงานพบว่า ปี 2553 พบผู้เสียชีวิตจากโรคพิษสุนัขบ้าทั่วประเทศ 15 ราย และในปี 2554 (มกราคม - กันยายน) พบผู้เสียชีวิต 5 ราย อย่างไรก็ตามจำนวนผู้ถูกสุนัขกัดปีละกว่า 1 ล้านคน แต่มารับการฉีดวัคซีนป้องกันปีละประมาณ 5 แสนคน ดังนั้นในภาวะน้ำท่วมนี้สุนัขมีโอกาสกัดประชาชนมากขึ้น เนื่องจากความเครียด การอดอาหาร และไม่คุ้นเคยกับบุคคลแปลกหน้า กรมควบคุมโรค ขอแนะนำวิธีป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าและการป้องกันการถูกสุนัขกัดดังนี้

1. การเคลื่อนย้ายสัตว์จากที่อยู่อาศัยในขณะเกิดอุทกภัยต้องใช้ความระมัดระวัง ควรให้เจ้าของเป็นผู้จับหรืออุ้มก่อนที่ผู้ป่วยเหลือจะจับสัตว์นั้น เพราะในขณะเกิดเหตุสัตว์จะมีความตื่นตกใจและหวาดระแวงและกัดได้

2. ระมัดระวังสัตว์ที่นำมากับผู้พักพิง มิให้ทำร้ายผู้พักพิงอื่น หรือระหว่างสัตว์กันเอง

3. สัตว์ที่ดุร้ายควรกักขัง หรือใส่ตะกร้อปาก หรือผูกล่ามในสถานที่เหมาะสมห่างจากผู้พักพิงอื่น ๆ โดยเฉพาะเด็ก และเด็กเล็ก

4. ให้อาหารสัตว์ตามความเหมาะสม ไม่ให้สัตว์มีความหิวเพราะสัตว์จะมีอารมณ์หงุดหงิดได้

5. สังเกตอาการทั่วไปของสัตว์เลี้ยง หากมีอาการผิดปกติ เช่น ซึม ไม่กินอาหาร อาเจียน เป็นต้น ให้แจ้งต่อผู้ดูแลสถานที่พักพิงเพื่อแจ้งต่อสัตวแพทย์ต่อไป และควรแยกกักกันสัตว์และผู้พักพิง เพราะอาจเป็นโรคติดต่อสู่คนได้ เช่น โรคพิษสุนัขบ้า โรคเล็ปโตสไปโรซีส (ฉี่หนู)

6. การให้อาหารสุนัขที่อยู่รวมกันหลายตัว อย่าวางอาหารใกล้ชิดกับสุนัขเกินไป เพราะสุนัขจะกรูเข้าแย่งอาหารและกัดกัน ซึ่งจะพลาดถูกกัดได้เมื่อถูกกัดต้องรีบล้างบาดแผลด้วยสบู่ และน้ำสะอาดทันที และพบแพทย์พร้อมสังเกตอาการสุนัขที่กัดอย่างน้อย 10 วัน

สำหรับอาสาสมัครที่ช่วยเหลือสุนัข กลุ่มนี้มีโอกาสถูกสุนัขกัดมากกว่ากลุ่มอื่น ก่อนลงมือปฏิบัติการช่วยเหลือสุนัข โปรดพบแพทย์เพื่อฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า จำนวน 3 โด๊ส ห่างกันตามที่แพทย์นัดหมาย เพื่อเป็นการป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าล่วงหน้า ส่วนผู้ใดถูกสุนัขหรือแมวกัดต้องรีบล้างแผล ใส่ยาฆ่าเชื้อโรค เช่น เบตาดีน และรีบไปพบแพทย์เพื่อฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าทันที และถ้าทำได้ควรติดตามดูอาการสุนัข 10 วัน หากยังปกติอยู่รีบแจ้งให้แพทย์ทราบเพื่อหยุดฉีดวัคซีนได้ นายแพทย์พรเทพ กล่าว


ข้อความหลัก " ถูกกัดต้องล้างแผล ใส่ยา กักหมา หาหมอ ฉีดต่อจนครบ ปลอดโรคพิษสุนัขบ้า ”

กรมควบคุมโรค ห่วงใย อยากเห็นคนไทยมีสุขภาพดี

ที่มา http://dpc9.ddc.moph.go.th/crd/news/tv/2554_11_02_rabies.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น