วันอังคารที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2556

สคร.9 แนะวิธีง่ายป้องกันไม่ให้เกิดบาดแผลเปิดจากอุบัติเหตุขณะน้ำท่วม ป้องกันติดเชื้อรุนแรง



   เภสัชกรเชิดเกียรติ แกล้วกสิกิจ หัวหน้ากลุ่มสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 พิษณุโลก กรมควบคุมโรค กล่าวว่า ช่วงนี้ประชาชนหลายจังหวัดของประเทศไทย กำลังประสบปัญหาอุทกภัยอย่างต่อเนื่องยาวนานหลายเดือนติดต่อกัน กรมควบคุมโรค จึงมีความห่วงใยในสุขภาพอนามัยของประชาชนประสบภัยน้ำท่วม ที่อาจมีอุบัติเหตุต่างๆ จนทำให้เกิดบาดแผลตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย การไม่ดูแลรักษาบาดแผลให้ถูกต้อง อาจทำให้มีการติดเชื้อเข้าสู่ร่างกายและเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่ประชาชนควรมีความรู้การดูแลบาดแผลเบื้องต้น เพื่อป้องกันการติดเชื้อไม่ให้ลุกลามมากขึ้น

ลักษณะของบาดแผลมีทั้งบาดแผลเปิดและบาดแผลปิด บาดแผลปิด หมายถึง บาดแผลที่ไม่มีรอยแยกของผิวหนังปรากฎให้เห็น เกิดจากการที่ร่างกายกระแทกกับของแข็ง และมีการฉีกขาดของกล้ามเนื้อ เนื้อเยื่อ และเส้นเลือดฝอยใต้ผิวหนัง มองเห็นเป็นรอยฟกช้ำ บวม ส่วนบาดแผลเปิด หมายถึง บาดแผลที่ทำให้เกิดรอยแยกหรือการฉีกขาดของผิวหนังและเนื้อเยื่อ เช่น ของมีคมบาดผิวหนึง การทิ่มตำจากของแหลมที่เดินย่ำน้ำหรือโคลน ฯลฯ การปฏิบัติตัวเมื่อเกิดบาดแผลปิด คือ ในช่วง 24 ชั่วโมงแรก ต้องประคบด้วยความเย็น เอาน้ำแข็งห่อด้วยผ้าสะอาดประคบไว้ประมาณ 15-20 นาที เพื่อไม่ให้มีเลือดออกใต้ผิวหนังมากขึ้น ลดอาการบวม และระงับอาการปวด หลังจาก 24 ชั่วโมงไปแล้ว ต้องประคบด้วยความร้อน และทายาขี้ผึ้ง ยาหม่อง ปาล์ม หรือทายา บาดแผลฟกช้ำ เพื่อละลายลิ่มเลือดใต้ผิวหนัง

เภสัชกรเชิดเกียรติ กล่าวต่อว่า ส่วนการปฏิบัติตัวเมื่อเกิดบาดแผลเปิดนั้น คือ ผู้ทำแผลต้องล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำและสบู่ก่อนและหลังทำความสะอาดแผล จากนั้นใช้น้ำสะอาดและสบู่ล้างแผลเพื่อล้างสิ่งสกปรกและสิ่งแปลกปลอมออกจากแผลแล้วจึงใช้ผ้าสะอาดซับแผลให้แห้ง ใช้สำลีหรือผ้าสะอาดชุบแอลกอฮอล์เช็ดบริเวณรอบๆ แผล แล้วใส่ยาฆ่าเชื้อโรค เช่น เบตาดีน ใช้ผ้าก๊อตปิดแผลไว้ ยกเว้นถ้าเป็นแผลถลอกไม่มากไม่ต้องปิดแผล บาดแผลที่มีการฉีกขาดมากหรือเป็นแผลลึกมากและมีเลือดไหล ให้ใช้ผ้าสะอาดกดบริเวณที่เลือดไหลจนเลือดหยุดไหลแล้วรีบไปพบแพทย์หรือเจ้าหน้าที่สถานบริการสาธารณสุขใกล้บ้าน ถ้าบาดแผลสกปรกควรได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันบาดทะยัก หากมีอาการผิดปกติ เช่น เป็นหนอง ปวดมาก แผลบวมมากขึ้น เลือดซึมมาก มีไข้เฉียบพลันต้องรีบไปพบแพทย์ทันทีเพื่อป้องกันเชื้อลุกลามจนอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต

ที่สำคัญประชาชนควรดูแลตนเองและบุตรหลานหลีกเลี่ยงการทำให้แผลเปียกน้ำ ผู้ที่มีแผลที่บริเวณเท้าหรือขาไม่ควรเดินย้ำน้ำเพราะจะทำให้เกิดการติดเชื้อเข้าสู่ร่างกายได้ ถ้าจำเป็นต้องเดินย่ำน้ำ ควรใส่รองเท้าบู๊ทกันน้ำ หากหารองเท้าบู๊ทไม่ได้ให้ใช้ถุงพลาสติกขนาดใหญ่มาประยุกติ์ใช้ทำรองเท้ากันน้ำชั่วคราว โดยสวมถุงพลาสติกทั้ง 2 เท้าให้สูงเหนือเข่าหรือเหนือระดับน้ำท่วม จากนั้นสวมถุงเท้าทับถุงพลาสติกอีกชั้นหนึ่ง พร้อมกับไล่ลมออกจากถุงพลาสติกเพื่อให้ถุงแนบกับเท้าหรือขามากที่สุด แล้วใช้เชือกมัดกระชับปิดปากถุงเหนือระดับน้ำเพื่อป้องกันน้ำเข้า และขั้นสุดท้ายสวมรองเท้าหุ้มส้น แต่ก็ไม่ควรใส่แบบนี้ตลอดทั้งวัน เมื่อกลับเข้าบ้านที่สูงน้ำท่วมไม่ถึง ควรล้างเท้าให้สะอาด ฟอกสบู่ให้ทั่ว และเช็ดให้แห้งด้วยผ้าสะอาด

ข้อความหลัก " ลุยน้ำ ย่ำโคลน เกิดแผล อาจเสี่ยงติดเชื้อโรครุนแรง ”

ดู Clip VDO วิธีทำรองเท้ากันน้ำฉุกเฉิน ที่http://www.youtube.com/watch?v=xWMBGJ-dSiU

เฉพาะกิจเกาะติดการสื่อสารความเสี่ยงเพื่อป้องกันควบคุมโรคจากภาวะน้ำท่วม ปี 2556 เขตภาคเหนือตอนล่าง ที่ http://dpc9.ddc.moph.go.th/crd/special/flood56.html

ฟังเพลงรณรงค์โรคจากฤดูฝนที่ https://soundcloud.com/prdpc9/cbo7hzkfwyra

Download ประกาศกรมควบคุมโรค เตือนภัยโรคจากฤดูฝนที่http://dpc9.ddc.moph.go.th/crd/tranfers/guideline/2556/2556_06_06_rain.pdf

ข่าวที่เกี่ยวข้อง “ สคร.9 หวั่นโรคฉี่หนูพุ่งในกลุ่มเกษตรกรและผู้ลุยน้ำย่ำโคลนช่วงน้ำมาก แนะ 7 มาตรการเข้มตัดตอนโรคลดเสี่ยง “ ที่ https://www.facebook.com/media/set/?set=a.520109594744611.1073741999.162933320462242&type=1


 
ข่าวนี้สนับสนุนยุทธศาสตร์ที่ 3 กรมควบคุมโรค : การสื่อสารสาธารณะและประชาสัมพันธ์อย่างทั่วถึงและได้ผล เพื่อป้องกันควบคุมโรคและภัยสุขภาพ

รายละเอียดภาพข่าวนี้ https://www.facebook.com/media/set/?set=a.521595964595974.1073742005.162933320462242&type=1

        

มณีวรรณ  ปักษา / เผยแพร่
เชิดเกียรติ แกล้วกสิกิจ/ ตรวจทาน
โดย…กลุ่มสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ
สำนักงานป้องควบคุมโรคที่ 9 พิษณุโลก
กรมควบคุมโรค รู้ก่อน รู้ทัน ป้องกันได้
โทร 0-5521-4615 -7 ต่อ 333 หรือ 334 โทรสาร 0-5532-1238
Email : dpc9phs@yahoo.com
ดูข่าวสุขภาพใหม่ ๆ ตลอดเวลาได้ที่ http://dpc9.ddc.moph.go.th/crd

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น